วิธีตรวจสอบ เช็กคุณภาพวัสดุเครื่องมาร์คสายไฟประเภทต่าง ๆ

0
840
Technician plugging patch cable in a rack mounted server in server room

    สำหรับคนที่ทำงานอยู่ในแวดวงงานไฟฟ้า งานติดตั้งประกอบเครื่องจักร ไปจนถึงการติดตั้งสาย Lan สายสื่อสาร สาย Wire ต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกอาคาร
“เครื่องมาร์คสายไฟ” ถือเป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะขาดไม่ได้เป็นอันขาด ด้วยวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อใช้ในการพิมพ์ปลอกสายไฟหรือสติ๊กเกอร์แล้วนำไปติดเอาไว้บนสายไฟ
หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย เป็นการแยกประเภท หรือกำหนดจุดอย่างชัดเจน ป้องกันอันตรายของการใช้งานผิดประเภทของตนเองและเพื่อนร่วมงาน ดังนั้นการรู้วิธีเช็กคุณภาพวัสดุต่าง ๆ ของอุปกรณ์ชิ้นนี้ก่อนการใช้งานจึงสำคัญมากเปรียบเสมือนเช่นเดียวกันกับการตรวจสอบเครื่องจักรก่อนการทำงานหรือการตรวจสอบเครื่องยนต์ก่อน
การออกไปวิ่งงานนั่นเอง

ทำไมต้องมีการเช็กคุณภาพวัสดุเครื่องมาร์คสายไฟ (Electronic Lettering Printing Machine)

จริง ๆ แล้วเครื่องมาร์คสายไฟก็เหมือนกับอุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์
อิเล็กทรอนิคส์ หรืออุปกรณ์ทุ่นแรงประเภทอื่น ๆ อาทิ เครื่อง Printer, คอมพิวเตอร์, มือถือ อุปกรณ์ไอที เครื่องมือและเครื่องจักรทุกชนิด
ที่ต้องมีการตรวจสอบคุณภาพกันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อเริ่มใช้งานแล้วจะไม่มีปัญหาใด ๆ ตามมาภายหลัง ซึ่งความผิดพลาดใหญ่สุดของการพิมพ์งานเครื่องมาร์คปลอกสายไฟเป็นได้ทั้งชิ้นงานที่พิมพ์ออกมาไม่ตรงตามสเปคที่กำหนด ต้องเสียต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ไปจนถึงเครื่องเกิดความเสียหายต้องมีการซ่อม หรืออย่างแย่สุดอาจ


ต้องซื้อเครื่องใหม่เลยทีเดียวซึ่งมองยังไงก็ไม่คุ้มและเหมือนกับต้องเสียเงินโดยใช่เหตุ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความราบรื่นอย่างไม่ต้องกังวล ไม่เสียเวลาในการทำงานและหงุดหงิดใจเมื่อเครื่องพิมพ์มาร์คปลอกสายไฟทำงานได้ไม่ตอบสนองความต้องการ งานที่ได้ก็จะล่าช้าออกไปอีก

 

วิธีตรวจสอบ เช็กคุณภาพวัสดุเครื่องมาร์คสายไฟ (Marking Tubes and Labels Machine)

หลังจากรู้ถึงเหตุผลสำคัญในการตรวจเช็กอุปกรณ์กันไปแล้ว คราวนี้ก็จะพาทุกคนมาศึกษาวิธีเบื้องต้นสำหรับเช็กและตรวจสอบคุณภาพวัสดุของเครื่องมาร์คสายไฟ ทำเองได้ไม่ยากอย่างที่คิดด้วย

  • ทำการตรวจสอบวัสดุภายนอกตัวเครื่องปลอกมาร์คสายไฟว่ายังคงมีความแข็งแรง ไม่กรอบแตก หรือมีบางส่วนร้าวจนอาจสร้างปัญหาในระหว่างการใช้งาน
    ได้หรือไม่
  • ฝาปิดครอบ จุดล็อค จุดต่อของตัวเครื่องพิมพ์สายไฟ เป็นปกติหรือไม่ เพราะบางรุ่นอาจจะมีตัวเซ็นเซอร์คอยเช็คอุปกรณ์ติดอยู่ด้วย
  • ปลั๊กไฟ สายเสียบ อะแดปเตอร์ อุปกรณ์แปลงไฟ ไม่ขาด ไม่หาย ยังคงเสียบไฟเข้าใช้งานได้หรือไม่
  • ทดสอบการตัดปลอกสายพีวีซี อุปกรณ์ตัวตัดปลอกสายไฟ ใบมีด (Cutter) มีความคม สามารถตัดปลอกสายพีวีซีและสติ๊กเกอร์ที่ใช้พิมพ์ในระดับมาตรฐาน
    ตัดแล้ววัสดุยังขาดจากกันได้ดี
  • โรลเลอร์ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่คอยกำหนดให้ปลอกสายไฟเลื่อนผ่านเครื่องไปทีละขั้นตอนยังคงหมุนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ค้าง หรือมีการติดขัดใด ๆ
    เกิดขึ้น
  • แป้นพิมพ์ทุกปุ่มยังคงใช้งานได้ตามปกติ ไม่มีปัญหาใด ๆ
  • หัวพิมพ์สะอาด ไม่มีฝุ่นหรือสิ่งเจือปน ทำให้การพิมพ์เสถียร ผลลัพธ์งานพิมพ์อักษรออกมาเต็มตัว ไม่ขาดหาย
  • ผ้าหมึกพิมพ์ไม่ขาด ไม่ย่น ไม่เป็นรอย แถบฟิล์มผ้าหมึกไม่เว้าแหว่ง แถบสีผ้าหมึกยังคงใช้งานได้เข้มตามปกติ พิมพ์ออกมาแล้วมองเห็นข้อความชัดเจน
    อักษรหรือสัญลักษณ์ไม่ขาดหาย
  • ตัวเทปเคลือบลามิเนตหรือฉลากสำหรับพิมพ์ ไม่มีรอยยับ ไม่เปื้อน รูปลักษณ์ปกติ ยังทนทานต่อทุกสภาพอากาศ ป้องกันน้ำได้ดี ไม่ฉีกขาดหรือสึกหรอใด ๆ
    ทั้งสิ้น
  • การเชื่อมต่อทั้งระบบ USB และระบบ Wi-Fi ทำงานเสถียร ช่วยให้ผู้ใช้สะดวกมากขึ้นกว่าเดิม
  • กระเป๋าสำหรับใส่หรือเก็บตัวเครื่องพิมพ์ไวร์มาร์คเกอร์ ไม่แตกหัก ควรตรวจสอบให้อยู่ในสภาพที่สามารถเก็บรักษาตัวเครื่องได้อย่างปลอดภัย ป้องกันฝุ่น
    น้ำ น้ำมันหรือสิ่งของที่จะตกใส่เครื่องทำให้เครื่องพิมพ์ของเราได้รับอันตรายได้
  • อุปกรณ์วัสดุของตัวเครื่องพิมพ์ปลอกสายไฟและฉลากยังอยู่ครบถ้วน ไม่มีชิ้นใดขาดหายไป รวมถึงวัสดุที่ใช้สำหรับการพิมพ์ วัสดุสิ้นเปลืองต่าง ๆ เช่น หมึกพิมพ์ ปลอกสายพีวีซี ท่อหด เทป ฉลากหรือสติ๊กเกอร์ เป็นต้น มีอย่างเพียงพอกับการปฏิบัติงาน
 

ทั้งหมดนี้ถือเป็นพื้นฐานเบื้องต้นสำหรับวิธีตรวจสอบ และเช็กคุณภาพของเหล่าบรรดาวัสดุต่าง ๆ จากเครื่องมาร์คสายไฟ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องมาร์คปลอกสายไฟ Electronic Lettering Printing Machine ภายใต้แบรนด์ MAX หรือ เครื่องพิมพ์ปลอกสายไฟและฉลาก Marking Tubes & Labels ภายใต้แบรนด์ Brother หรือเครื่อง Hot Mark ภายใต้แบรนด์อื่น ๆ ก็ตาม จะมีการตรวจสอบเบื้องต้นที่คล้าย ๆ กัน ซึ่งจะเห็นว่าหลักการทำไม่ได้มีสิ่งใดซับซ้อนเลย เพียงแค่คุณหมั่นใส่ใจกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ หากมีความผิดปกติก็รีบซ่อมแซมแก้ไข อย่าปล่อยเอาไว้จนระดับความรุนแรง
หนักขึ้น เพราะท้ายที่สุดหากไม่สามารถซ่อมได้ก็ต้องเสียเงินเพิ่มก้อนโตในการซื้อเครื่องใหม่มาใช้งานนั่นเอง

เมื่อทำการตรวจสอบตรวจเช็คคุณภาพของตัวเครื่องพิมพ์ปลอกมาร์คสายไฟและฉลากแล้ว 2 สิ่งที่จำเป็นไม่แพ้กันก็คือ ข้อที่หนึ่งในระหว่างการใช้งาน พื้นที่ในการปฏิบัติงานไม่ควรร้อนหรือเย็นจัดเกินไป อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีฝุ่นคละคุ้งหรือมลพิษอื่น ๆ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของเครื่องพิมพ์นี้ได้ ตั้งเครื่องพิมพ์งานบนพื้นที่ราบเรียบ ไม่ลาดเอียง ไม่ขรุขระ รวมถึงวัสดุการพิมพ์ไม่ว่าจะเป็น ปลอกสายพีวีซี สติ๊กเกอร์ หมึกพิมพ์ ก็ควรจะสะอาดไม่เปื้อนคราบฝุ่นใดๆด้วย และหากบรรจุอยู่ในกล่องที่มิดชิดได้ก็จะยิ่งดี ตัวอย่างเช่น
ปลอกมาร์คสายของยี่ห้อMAX รุ่น LM-TU432L2 ท่อมาร์คสายขนาด 3.2มม.ยาว 250ม.หรือรุ่น LM-TU464L
ท่อมาร์คสายขนาด 6.4 มม.ยาว 100ม. จะบรรจุอยู่ในกล่องกระดาษป้องกันฝุ่นละอองได้ สามารถดึงออกมาใช้งานได้อย่างง่ายดาย และข้อที่สองหลังการใช้งานเครื่องแล้วควรเช็ดทำความสะอาดด้วยผ้านุ่ม ไม่ให้มีคราบฝุ่น น้ำ น้ำมัน หรือสิ่งสกปรกติดอยู่ที่ตัวเครื่อง โดยเฉพาะช่องต่าง ๆ ภายในตัวเครื่อง รวมถึงเก็บเครื่องพิมพ์มาร์คสายไฟนี้ลงในกระเป๋าให้เรียบร้อยทุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เท่านี้ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งาน ให้เราได้มีเครื่องพิมพ์ปลอกมาร์คสายไฟ
ใช้งานไปได้อีกนานแสนนาน

สอบถามสินค้า/รายละเอียดเพิ่มเติม
โทร.0-2529-6344 อีเมลล์ sales@tech-time.co.th หรือไลน์แอด @tech-time